Monday, March 2, 2009

SET Thai มีนาคมนี้ 400 จุด

มีนาคมนี้... 400 จุด

หุ้นไทยเดือนมีนาคม ยังวนเวียนในกรอบ 400-440 จุด นอกจากจะไร้ปัจจัยใหม่หนุนแล้ว ปัญหาเศรษฐกิจยังคุกคามไม่เลิก โดยเฉพาะจากประเทศยักษ์ใหญ่เมืองมะกัน ที่ดึงเกือบทุกประเทศทั่วโลกเซตามเป็นโดมิโน นักวิเคราะห์แนะขายลดพอร์ต แต่หากทนไม่ไหว ควรแค่เลือกเก็งกำไรหุ้นบางตัว บางกลุ่ม ขอย้ำ "อย่าเอากลับบ้าน"

ปิดฉากตลาดหุ้นไทยเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ไปแล้ว ดัชนีฯ ยังคงไม่สามารถปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งได้ หุ้นมาร์เก็คแคปใหญ่ซึมยาว หรือแม้แต่หุ้นเก็งกำไรเล็กๆ ยังถูกทิ้งในช่วงปลายเดือน ต่อเนื่องมาถึงเดือนมีนาคมนี้ ดัชนีฯ ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าจะปรับขึ้นแต่อย่างใด

หลายฝ่ายประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยเดือนมีนาคม นอกจากไม่เห็นแววสดใสแล้ว ยังมีแววว่าดัชนีฯ จะอ่อนตัวลงจากเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่า ดัชนีฯ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 400-450 จุด และนักลงทุนยังไม่ควรตัดสินใจซื้อหุ้นในเดือนนี้ * มี.ค.นี้ ดัชนีฯ เคลื่อนไหวในกรอบ 400-440 จุด ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินตลาดหุ้นไทยเดือนมีนาคมว่า เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยควรปรับตัวลงอย่างหนักอีกครั้งตามภาวะตลาดขาลง ก่อนที่ราคาหุ้นจะเริ่มน่าสนใจในการทยอยสะสม ดังนั้นจึงมองเห็นโอกาสในการปรับตัวลงมากกว่าปรับตัวขึ้นสำหรับเดือนมีนาคม โดยคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะซื้อขายในกรอบ 400 ถึง 440 จุด


อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยังสามารถปรับตัวลงต่อได้อีก และมีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากในช่วงที่เหลือของปีนี้ ดังนั้น บล.กิมเอ็งฯ จึงขอแนะนำให้นักลงทุนใช้มูลค่าการซื้อขายเป็นสัญญาณในการเข้าลงทุนในตลาดอีกครั้ง หากมูลค่าการซื้อขายเกิน 1.2 หมื่นล้านบาทต่อวัน แสดงว่าเม็ดเงินใหม่เริ่มกลับเข้ามาช้อนซื้อหุ้นแล้ว


บล.กิมเอ็งฯ ระบุว่า หุ้นไทยราคาถูกอยู่ แต่ราคาควรปรับตัวลงมากกว่านี้ ในช่วงที่ผลกำไรของบริษัทไทยยังคงผันผวนแม้ราคาหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยจะถูกมาก ณ ระดับดัชนีตลาดปัจจุบันที่ 434.67 จุด บน PER ปี 2552 ที่ 7.63 เท่า, P/BV 1.52 เท่า และมีอัตราเงินปันผลตอนแทนสูงก่วา 5.97% อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนโดยเฉลี่ยจะขยายตัวเพียง 9.64% (ไม่นับรวม PTT, PTTAR และ TOP เนื่องจากมีรายการพิเศษทางบัญชีจำนวนมาก) และ บล.กิมเอ็งฯ มีแนวโน้มจะปรับลดประมาณการผลกำไรของบริษัทในเดือนต่อๆ ไปลงอีก เนื่องจากเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงขึ้น และคาดว่าจะยาวนานกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้
Ref:efinancethai.com